สุดยอด Sniper ของโลก White Death
สิโม ฮาห์ยา (Simo Häyhä)

ประวัติโดยสังเขปชื่อเล่น: White Death
ส่วนสูง 5 ฟุต 3 นิ้ว 160 เซนติเมตร
สถานที่เกิด: Rautjärvi, Finland
สถานที่ตาย: Hamina, Finland
ยศ: ร้อยตรีสังกัด: กรมทหารราบที่ ๓๔ กองทัพฟินแลนด์
สมรภูมิ: สงครามฤดูหนาว ระหว่างฟินแลนด์กับกองทัพโซเวียต (ปี ๑๙๓๙ – ๑๙๔๐)
รางวัล: เหรียญรางวัลแห่งเสรีภาพอันดับ ๑
Simo Häyhä เกิดเมื่อวันที่ ๑๗ ธันวาคม ๑๙๐๕ หรือที่รู้จักกันในนาม White death (ความตายสีขาว) อยู่ในหน่วยซุ่มยิงฟินแลนด์ มีชื่อเสียงจากการใช้ Bolt action ปืนสไนเปอร์ซุ่มยิงระยะไกลในพื้นที่ทำการศึกที่เต็มไปด้วยหิมะ สังหารชีวิตข้าศึกไปกว่า ๕๐๕ ศพ! ถือเป็นมือปืนสไนเปอร์ที่มีจำนวนศพที่ทำการสังหารมากที่สุดในโลก
เขาเกิดใน Rautjärvi ที่ซึ่งปัจจุบันเป็นพื้นที่ชายแดนระหว่างฟินแลนด์กับรัสเซีย เริ่มเข้าสู่กองทัพในปี ๑๙๒๕ ก่อนที่จะเข้าสู่วงการทหาร เขาเป็นเกษตรกรและคนล่าสัตว์ที่เก่งกาจ ที่บ้านไร่ของเขานั้นจึงเต็มไปด้วยรางวัลที่ได้มาจากความแม่นปืนของเขา เขาได้เริ่มบทบาททางการทหารด้วยการได้รับหน้าที่เป็นหน่วยซุ่มยิงของฟินแลนด์ ต่อต้านกองทัพโซเวียต ในสงครามฤดูหนาวปี ๑๙๓๙ – ๑๙๔๐ ระหว่างฟินแลนด์กับกองทัพโซเวียต

ด้วยอุณหภูมิระหว่าง -๔๐ ถึง -๒๐ องศาเซลเซียส เขาได้ปกคลุมด้วยเองด้วยชุดสีขาวโพลนลวงตาให้กลมกลืนกับหิมะที่ปกคลุมอยู่ทั่วสนามรบ ศพแล้วศพเล่าถูกเค้าสังหารในสงครามครั้งนี้ ได้รับการยืนยันว่าเค้าสังหารไปกว่า ๕๐๕ ศพ ในที่ถ้ารวมศพที่ไม่ได้ถูกยืนยันด้วย เขาได้สังหารข้าศึกไปกว่า ๕๔๒ ศพ! ตัวเลขอย่างไม่เป็นทางการในสงคราม Hollaa ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของสงครามฤดูหนาวครั้งนี้ เผยว่าเขาได้สังหารไปมากกว่า ๘๐๐ ศพเลยทีเดียว นอกจากศพมากมายที่เขาได้สังหารไปในหน้าที่ของหน่วยซุ่มยิง เขายังสังหารไปอีกมากกว่า ๒๐๐ ศพจากการยิงปืนกลกึ่งอัตโนมัติ Soumi KP/-31 ดังนั้นเขาต้องสังหารข้าศึกไปแล้วอย่างน้อย ๗๐๕ ศพ! อาวุธที่เปรียบเสมือนเพื่อนคู่ใจของเขาเลยคือ เจ้า Russian Mosin-Nagant rifle เพราะว่ามันมีขนาดเล็กพอเหมาะกับชายรูปร่างสันทัดของเขา เขาเลือกที่จะใช้ศูนย์เลงแบบเก่ามากกว่าจะใช้กล้องสไนเปอร์แบบใหม่ด้วยเหตุผลเพราะว่าการใช้กล้องจะทำให้ต้องยกหัวขึ้นมากกว่า ซึ่งจะทำให้เป็นเป้าหมายของข้าศึก เขาเสนอเป้าที่เล็กกว่าให้กับศัตรู และลดความเสี่ยงจากการถูกสังหารอีกด้วย ซึ่งถือเป็นความคิดที่ฉลาดมาก อีกอย่างคือตัวกระจกของกล้องสไนเปอร์นั้นมักมีหมอกมาเกาะอยู่ เนื่องจากพื้นที่ยุทธศาสตร์มีอุณหภูมิที่หนาวเย็นมาก และแสงแดดในตอนกลางวันนั้นอาจมาสะท้อนที่ตัวกล้องซึ่งจะเป็นการเปิดเผยตำแหน่งให้ศัตรูรู้ อีกเทคนิคหนึ่งในสนามรบของเขาคือการอมหิมะไว้ในปากเสมอ เพราะเมื่อเวลาหายใจออกจะไม่เกิดไอน้ำ ถือว่าเขาเป็นทหารที่เก่งกาจใช่ย่อยเลยจริงๆ

อาวุธสังหารคู่ใจของเขา

ปืนกลกึ่งอัตโนมัติ Soumi KP/-31

รูปแบบของศูนย์เลงปืนที่ใช้กันในปัจจุบัน
เขาคือคนที่ทางการโซเวียตต้องการตัวมากที่สุด พยายามหลายครั้งที่จะสังหารเขาด้วยหน่วยต่อต้านพลซุ่มยิงซึ่งถูกฝึกมาเป็นพลซุ่มยิงที่มีไว้สำหรับสังหารพลซุ่มยิงด้วยกัน และที่สุดในวันที่ ๖ มีนาคม ๑๙๔๐ เขาถูกยิงเข้าที่กรามด้านซ้าย ด้วยหวังจะปลิดชีพเขาด้วยกันยิงที่หัวจากทหารรัสเซียนนายหนึ่ง ลูกกระสูนวิ่งผ่านกรามของเขาไป และทะลุออกไปที่ด้านข้างของศีรษะ เขาได้รับการช่วยเหลือจากทหารของฟินแลนด์อีกนายซึ่งอยู่ใกล้ๆกัน ผู้ซึ่งบอกว่า “หน้าของเขาได้หายไปครึ่งหนึ่ง” เขานอนโคม่าไปหลายวัน และที่วัน ๑๓ มีนาคม ๑๙๔๐ อาการของเขาได้ทุเลาลง เขาฟื้นจากอาการโคม่า ซึ่งวันนั้นเป็นวันประกาศยุติสงคราม ไม่นานหลังสงครามเขาได้รับการเลื่อนยศจากสิบโทไปเป็นร้อยตรี ซึ่งในขณะนั้นยังไม่เคยมีใครที่ถูกเลื่อนยศได้รวดเร็วเช่นนี้ในประวัติศาสตร์กองทัพฟินแลนด์ และเค้ายังได้รับเกียรติใช้ชื่อของเค้า เป็นชื่อ แนวป้องกันประเทศ คือ แนวแมนเนอรไฮม์ (Mannerheim Line)

สภาพใบหน้าของเขาหลังจากบาดแผลปอดสนิทแล้ว
บาดแผลจากการถูกยิงของเขาใช้เวลาอยู่หลายปีจึงหาย เขาใช้ชีวิตด้วยการเป็นนายพรานล่าสัตว์ ในปี ๑๙๙๘ เมื่อเขาถูกถามว่าทำไมเขาถึงได้มีความสามารถในความแม่นปืนมากขนาดนี้ เขาได้ตอบไปว่า “ฝึกฝน” เขาใช้ชีวิตที่เหลือของเขาในหมู่บ้านเล็กๆแห่งหนึ่งที่มีชื่อว่า Ruokolahti ทางตอนใต้ของฟินแลนด์ติดกับชายแดนรัสเซีย และได้เสียชีวิตลงในวันที่ ๑เมษายน ๒๐๐๒ และนี่คือเรื่องราวของพลซุ่มยิงที่เก่งกาจที่สุดในโลก หวังว่าคงถูกใจทุกคน
Credit: English - wikipedia.orgTranslated into Thai: Zac Scofield
ความคิดเห็น
แสดงความคิดเห็น